ReadyPlanet.com


หัวข่าวเด็ด กับผู้กองเดวิด
avatar
โก๋ การ์เต็ล


ขอคัดบทความ "หัวข่าวเด็ดกับผู้กองเดวิด" ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวันฉบับวันอาทิตย์ที่คุณต้น ทวยเทพฯ เขียนเป็นประจำ มาแบ่งกันอ่านนะครับ

 

DENOUNCE

คอลัมน์ หัวข่าวเด็ดกับผู้กองเดวิด

โดย ร.ต.อ.ทวยเทพ เดวิด วิบูลย์ศิลป์ coffecartel@hotmail.com




เป็นคำเด็ดจากบทความเก่าของนิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ตั้งแต่ปี 2545 แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเมืองไทยและกลับมาได้รับความสนใจใหม่อีกครั้งหลังจากที่ชาวฝรั่งต่างประเทศกำลังแตกตื่นชื่นชอบความสามารถของช้างแสนรู้ที่จัดแสดงที่เชียงใหม่

คำเด็ดประจำสัปดาห์นี้คือคำว่า DENOUNCE อ่านว่า ดีเนาซ์ แปลว่า การประณาม การเหยียดหยาม การกล่าวหา หรือการบอกเลิก (สนธิสัญญา) มีรากศัพท์มาจากคำในภาษาละตินว่า de ที่ทำให้มีความหมายของคำในแง่ลบหรือแปลว่าลดลง และคำว่า nuntiare (ปัจจุบันคือ announce) ที่แปลว่าประกาศ แจ้ง

Activists denounce Thailand"s Elephant "Crushing" Ritual

แปลว่า "นักเคลื่อนไหวประณามการทำทารุณช้าง (ในการฝึก)"

เนื้อข่าวเป็นเรื่องการฝึกลูกช้างเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมป่าไม้และท่องเที่ยว โดยกล่าวหาว่าประเทศไทยฝึกลูกช้างด้วยกรรมวิธีอันทารุณต่างๆ ตั้งแต่การขังกรง การไสช้าง ฝึกช้างด้วยการสับขอ

ถ้ายังจำกันได้ เป็นกระแสที่ริเริ่มจุดด้วยคนไทยที่อยากดัง เรียกเอ็นจีโออนุรักษ์สัตว์แบบแผลงๆ ทั้งของไทยและของฝรั่งที่เรียกว่า "พีต้า" PETA ตลอดจนสื่อมวลชนฝรั่งบางจำพวกรวมทั้งสื่อเล่มนี้ มาทำสารคดีที่ว่าด้วยการฝึกช้างในเมืองไทย และถ่ายทำโดยเน้นมุมมองให้ดูโหดร้าย ทารุณ อำมหิต เสียจนเป็นกระแสต่อต้านการท่องเที่ยวไทยในหมู่ฝรั่งที่ไม่ค่อยจะมีวิจารณญาณทั้งหลาย ไม่ได้เสนอเลยว่าช้างในวัฒนธรรมไทยเรานั้น ถือเป็นสัตว์ชั้นสูงที่สุด และมีคุนูปการต่อรากเหง้าของคนไทยอย่างไร

เป็นความจริงที่เถียงไม่ได้ครับว่าปัจจุบันมีการกระทำ "ทารุณช้าง" โดยการบังคับเร่ร่อนขอทานตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ

แต่สื่อฝรั่งกลับไม่เสนอว่าปัจจุบันเมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนแปลง ช้างและควาญมีความอดอยากหิวโหยและความยากลำบากในการดำรงชีวิตอย่างไร แทนที่จะเสนอในจุดนั้นอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่กับช้าง กลับเสนอเชิงทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย และเพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่กับตน

ข่าวเสนอว่า... It"s the centerpiece of a centuries-old ritual in northern Thailand designed to domesticate young elephants. In addition to beatings, handlers use sleep-deprivation, hunger, and thirst to "break" the elephants" spirit and make them submissive to their owners..

แปลว่า... "เป็นหัวใจของพิธีกรรมที่มีอายุนับร้อยๆ ปีในภาคเหนือของประเทศไทยที่มีวัตถุประสงค์ในการฝึกช้างให้เชื่อง... นอกเหนือจากการทำร้ายทุบตี ผู้ฝึกจะใช้วิธีทรมานช้างให้อดนอน หิวโหยและกระหาย ในการ "สลาย" สัญชาตญาณของช้างและทำให้เชื่องต่อเจ้าของ..."

ว่ากันเข้าไปครับ ข่าวแบบนี้ขายดีกันทั่วโลก โดยเฉพาะสมาคมพิทักษ์สัตว์ PETA นั้นคุณผู้อ่านที่ติดตามข่าวคราวประเภทนี้คงรู้จักดีว่า เก่งแต่หาสตางค์กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น แก้ผ้าชูป้ายประท้วงร้านเคเอฟซีว่าทรมานไก่ ช่างไม่รู้จักมาฝึกงานด้านการหาสตางค์ทั้งขึ้นทั้งล่องแบบเอ็นจีโอนักร้อง (เรียน) เอ๊ย... นักอนุรักษ์ในเมืองไทยเลย ...อิอิ

คงคิดว่าจะเอา "เสรีภาพและประชาธิปไตย" ไปใส่ในช้างกระมังครับ

เปลี่ยนจากเรื่องช้างๆ มาเป็นเรื่องคนๆ ดีกว่าครับ

คุณผู้อ่านที่รักคงได้ผ่อนคลายร้อนกับวันหยุด "ยาว" เกินสมควรกับเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา แต่ผมเห็นข่าวอุบัติเหตุและการทะเลาะวิวาทก็ไม่สบายใจครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวโทรทัศน์ข่าวหนึ่งเกี่ยวกับการตบตีกันของสาวๆ ระหว่างการสาดน้ำสงกรานต์

เลยเอาคำว่า DENOUNCE มาแต่งประณามการเล่นสงกรานต์แบบไร้สติได้ว่า

...misbehavior during holidays and festivals should be denounced and controlled before our cultural values disintegrate...

(มิสบีเฮฟวิเออร์-ดูริ้ง-ฮอลิเดย์ส-แอนด์-เฟสติวัล-ชู้ด-บี-ดีเนาซ์ด-แอนด์-คอนโทรลด์-บีโฟร์-เอาร์-คัลเชอรัล-แวลูส์-ดิสซินทิเกรท)

แปลว่า "การประพฤติไม่สมควรระหว่างเทศกาลและวันหยุดควรจะรับการประณามและควบคุมก่อนที่คุณค่าของวัฒนธรรมของเราจะเสื่อมสูญ"

เรื่องความรุนแรงจากการสนุกเกินขอบเขตหรือจากการเมาสุราเป็นเรื่องสมควร "ประณาม" เพียงพออยู่แล้ว แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงจิตสำนึกอันต่ำทรามและความเสื่อมโทรมของคนคือกลุ่มกองเชียร์ที่แบ่งข้างส่งเสียงเชียร์การตบตีทำร้ายร่างกายกันของสาวๆ กลุ่มนั้น มีคนห้ามเพียงสองสามคน ที่เหลือร่วมๆ ร้อยร้องตะโกนเชียร์กันอย่างป่าเถื่อน ไม่น่าเชื่อว่าภาพอันแสดงไถยจิตที่หยาบทรามเช่นนี้จะเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยอันงดงาม

กระทรวงวัฒนธรรมเอง ตั้งแต่ตั้งกระทรวงมา ผมยังไม่เห็นว่าจะอนุรักษ์วัฒนธรรมอย่างเป็นรูปธรรมอย่างใดเลย

ที่ชัดเจนมีผลงานที่โดดเด่นคือการวิพากย์ และ "จวก" ดารา แข่งกับ "น้าเบียบ"

เมื่อไรจะจวกเจ้าของค่ายเพลง กับเจ้าของสื่อสักทีละครับ น้องๆ ดารานักแสดงในเมืองไทยน่ะ ก็แค่ลูกจ้างเขาแสดงกันเกือบทั้งนั้น การวางตัว การแต่งตัว ลักษณะการพูดจา ก็ล้วนแล้วแต่นักการตลาดของค่ายหนังค่ายเพลงกำหนดให้ทั้งนั้นแหละ

อิอิ



ผู้ตั้งกระทู้ โก๋ การ์เต็ล :: วันที่ลงประกาศ 2008-04-20 21:59:41 IP : 124.121.175.109


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1630905)
avatar
ต้น ทวยเทพฯ
 
วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11005

ALLEGE


คอลัมน์ หัวข่าวเด็ดกับผู้กองเดวิด

โดย ร.ต.อ.ทวยเทพ เดวิด วิบุลศิลป์ coffeecartel@hotmail.com



เป็นคำเด็ดจากหัวข่าวออนไลน์ของซีเอ็นเอ็นดอทคอม ประจำวันที่ 23 เมษายน 2551 เกี่ยวกับ "สงครามการค้า" ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ที่ประเทศไทยทำท่าแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง

คำเด็ดประจำสัปดาห์นี้ คือคำว่า ALLEGE อ่านว่า อัลเล็ดจ์ ที่เป็นคำกริยาแปลว่า การกล่าวหา ใส่ความ ป้ายสี มีรากศัพท์มาจากคำในภาษาละตินว่า ad ที่แปลว่าเพิ่ม เติม สนธิกับคำว่า leg ที่แปลว่า กฎหมาย คดี ถ้าหากใช้เป็นคำนามก็แปลงอยู่ในรูป ALLEGATION ซึ่งแปลว่า การกล่าวหาหรือข้อหา

Report alleges abuse in Asia shrimp industry

หัวข่าวแปลว่า "รายงานกล่าวหาการกดขี่ (ทารุณ) ในอุตสาหกรรมกุ้งของเอเชีย"

เนื้อข่าวเป็นเรื่องรายงานของเอ็นจีโอด้านแรงงานของสหรัฐที่ชื่อ The Solidarity Center กล่าวหาว่าอุตสาหกรรมกุ้งในประเทศไทยและบังกลาเทศมีการล่วงละเมิดด้านแรงงานและสิทธิมนุษย์ชน กดขี่แรงงานทาส ค้ามนุษย์ และอื่นๆ โดยเน้นหนักในการโจมตีอุตสาหกรรมกุ้งในประเทศไทย

รายงานกล่าวว่าโรงงานแปรรูปกุ้งในเมืองไทยมีการล้อมรั้วลวดหนาม คุมขังคนงานเหมือนค่ายกักกัน และกล่าวอ้างว่า มีการคุมขังแรงงานในลักษณะแรงงานทาส ข่มเหงแรงงานเด็กและล่วงละเมิดทางเพศกับแรงงานหญิง แม้กระทั่งทำร้ายร่างกายโดยมีค่าจ้างตอบแทนอันน้อยนิด โดยอ้างว่าเป็นคำให้การขอเหยื่อและตำรวจที่บุกเข้าทลายโรงงานทาสเหล่านั้น ที่เลวร้ายหนักที่สุดก็คือ รายงานนี้พยายามใส่ข้อเท็จจริงว่าเจ้าของโรงงานกุ้งที่ถูกจับกุมนี้ได้รับโทษสถานเบาเหลือเกินทั้งๆ ที่เป็นอาชญากรรมร้ายแรง

" Behind the walls,.. with hundreds of workers literally trapped inside the compound, forced to work long hours, and subjected to physical, emotional, and sexual intimidation and abuse. Workers who angered the employer were often ?put to shame? in front of others by having their hair cut or shaved in patches. Women and girls were stripped naked and publicly beaten as a form of discipline."

..."หลังกำแพงเหล่านั้น... มีคนงานนับร้อยติดอยู่ภายในโรงงาน ถูกบังคับให้ทำงานด้วยชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน และเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทำร้ายร่างกาย จิตใจ และการคุกคามทางเพศ ลูกจ้างที่ทำให้นายจ้างโกรธมักจะถูก "ทำให้อับอาย" ต่อหน้าคนอื่น โดยตัดกล้อนผมหรือโกนผมให้แหว่ง ผู้หญิงและเด็กจะถูกถอดเสื้อผ้าและเฆี่ยนตีต่อหน้าผู้อื่นอันเป็นการลงโทษทางวินัยรูปแบบหนึ่ง"...

รู้สึกโกรธจนตัวสั่นกับการใส่ร้ายป้ายสีประเทศไทย และสามารถคาดเดาเกมสงครามการค้าครั้งนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เริ่มต้นด้วยเอ็นจีโอที่เป็นคอหอยลูกกระเดือกกับภาคเอกชนของเขา แต่งรายงานส่งให้สื่อมวลชนที่ได้รับความเชื่อถืออย่าง มติชน เอ๊ย ซีเอ็นเอ็นทำข่าว เสร็จแล้วท่าน ส.ส. ส.ว. ก็ตั้งเป็นกระทู้ถามฝ่ายบริหารและกดดันรัฐบาลสหรัฐให้ทำอะไรสักอย่างเพื่อสิทธิมนุษย์ชนที่ถูกละเมิดในประเทศไทย ซึ่งก็ไม่พ้นการกีดกันกุ้งและอาหารทะเลจากประเทศไทยเป็นต้น ทั้งๆ ที่มิได้เป็นความจริงเลย แม้เพียงสักกระผีกเดียว

ได้แต่ถามว่า องค์กรด้านแรงงานต่างๆ ของไทย กระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงพานิชย์ที่เป็นจักรสำคัญในการเจรจาทางการค้า รวมตลอดถึงรัฐบาลไทยได้ติดตามข่าวคราวเหล่านี้หรือไม่เพียงไร ว่าอุตสาหกรรมอาหารทะเลของเรากำลังโดนอเมริกาโจมตีด้วยการกล่าวหาอันเป็นเท็จ ได้เตรียมการประท้วง ชี้แจงข้อเท็จจริง หรือล็อบบี้เพื่อป้องกันแก้ไข บรรเทาสถานการณ์นี้เพียงใดหรือยัง

กลับมาดูเรื่องภาคใต้ เหตุการณ์ความไม่สงบที่เริ่มจะบรรเทาเบาบางลงกลับปะทุขึ้นมาอีก ญาติแถวๆ สงขลาส่งข่าวมาว่า เหตุการณ์ความไม่สงบที่ปะทุกันขึ้นมาอีกระลอกหนึ่งนั้น มีธรรมชาติที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว สัดส่วนของความรุนแรงในสามสี่จังหวัดภาคใต้ที่เกิดขึ้น เริ่มมีการผสมโรงของการหักหลังกันเรื่องการค้า ทั้งถูกและผิดกฎหมายมากขึ้น รวมทั้งยาเสพติด ซ้ำด้วยภาพของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐที่เริ่มกลับเป็นยักษ์เป็นมารมากขึ้น ชาวบ้านเริ่มกลับมากล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐว่า เป็นต้นตอของความรุนแรง

หยิบคำว่า Allege ที่แปลว่า กล่าวหามาแต่งเป็นประโยคภาษาอังกฤษหนักๆ กับสถานการณ์ได้ว่า

"Many Southerners begin to allege scouts of causing violence, resulting anger and hatred among Thai Muslims. (เมนี่-เซาเธิร์นเนอส์-บีกิน-ทู-อัลเล็จ-สะเก๊าทส์-ออฟ-คอสซิ่ง-ไวโอเลนซ์ม-รีซัลติ้ง-แองเกอร์-แอนด์-เหทเทร็ด-อะมอง-ไทย-มุสลิมส์)

"ชาวปักษ์ใต้หลายคนเริ่มจะกล่าวหาว่า ทหารพรานเป็นสาเหตุของความรุนแรงที่ก่อให้เกิดความโกรธแค้นและความเกลียดชังในหมู่คนไทยมุสลิม"

หลายปีที่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจอาศัยความอดทนอดกลั้นในการทำงาน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอะลุ่มอล่วย ยอมเสีย (หาย) มากกว่าได้ (งาน) โดยมีวัตถุประสงค์หลักอันหนึ่งคือ ดึงมวลชนที่จงเกลียดจงชังข้าราชการมาหลายสิบปีให้กลับมาเป็นพวก และผลสัมฤทธิ์ก็กำลังจะเกิด หากแต่ความพยายามของข้าราชการในพื้นที่ก็กำลังจะเสียเปล่า ความร่วมมือของประชาชนไทยมุสลิมในพื้นที่ก็ค่อยๆ ลดน้อยถอยลง กลับมาแทนที่ด้วยความหวาดระแวง ภายหลังจากทหารพรานเข้ามาในพื้นที่

ทหารพราน (ซึ่งก็คือทหารอาสา หรือกองกำลังชาวบ้านติดอาวุธ) มีประสิทธิภาพมากในการรบนอกรูปแบบ แต่เป็นอันตรายมากหากนำกำลังทหารพรานที่ขาดความรู้ความเข้าใจในกลไกการปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่มี "จิตวิญญาณของการมวลชนสัมพันธ์" มาทำหน้าที่ตรวจค้นจับกุม จึงปรากฏการลุแก่อำนาจ ลุแก่โทสะในพื้นที่และสถานการณ์ที่ล่อแหลมละเอียดอ่อน จนแม้กระทั่งชาวไทยพุทธเองยังส่ายหัว

สงสัยต้องยอมรับแล้วครับว่า ต้องแยกส่วนเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีคุณสมบัติด้านจิตวิทยา มิให้เกี่ยวข้องกับการส่วนการตรวจค้น หรืองานที่จะต้องสัมผัสเกี่ยวข้องกับประชาชนอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นความสงบย่อมไม่มีวันจะมาถึง

หลักการสมานฉันท์เริ่มจะได้ผลบ้างแล้วครับ อย่าให้มีการทำลายบรรยากาศแห่งความสมานฉันท์ด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเราเลย

(ปล. ขอแก้ไขชื่อเอ็นจีโอจอมแผลงในบทความสัปดาห์ที่แล้วครับ ที่ถูกคือ PETA (People for the Ethical Treatment of Animals) ครับ ไม่ใช่ PATA)

หน้า 11
ผู้แสดงความคิดเห็น ต้น ทวยเทพฯ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2008-05-01 16:08:30 IP : 124.121.176.250


ความคิดเห็นที่ 2 (1630906)
avatar
ต้น ทวยเทพฯ
 
วันที่ 04 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11012

INAPPROPRIATE


คอลัมน์ หัวข่าวเด็ดกับผู้กองเดวิด

โดย ร.ต.อ.ทวยเทพ เดวิดวิบุลศิลป์



เป็นคำเด็ดประจำสัปดาห์จากหนังสือพิมพ์ เดอะ แวงคูเวอร์ ซัน ของแคนาดา ประจำวันที่ 22 เมษายน 2551

คำเด็ด INAPPROPRIATE อ่านว่า อิน-แอ๊พ-โพร-พริ-เอท มาจากคำว่า appropriate มีรากศัพท์ในภาษาละติน ว่า proprius ที่แปลว่าเจ้าของ (รากศัพท์คำเดียวกับคำว่า property ที่แปลว่าทรัพย์สินนั่นเอง) สนธิกับคำว่า ad ที่แปลว่า "เพิ่ม รวม" ที่เมื่อใช้เป็นกริยาแปลว่า "ครอบครอง จัดสรร นำมาใช้" แต่หากใช้เป็นคำคุณศัพท์แปลว่าเหมาะสม เมื่อเติม IN ที่แปลว่า "ไม่" เข้าไปข้างหน้าก็เป็นคำคุณศัพท์ที่แปลว่า "ไม่เหมาะสม"

Doctors turning away cancer patients "inappropriate": Abbott

แอบบอท (กล่าวว่า) : การที่แพทย์ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเป็นสิ่ง "ไม่เหมาะสม"

เนื้อข่าวเป็นเรื่องที่นายแอบบอท รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของแคนาดา ออกมากล่าวถึงเรื่องที่เป็นปัญหาด้าน "จริยศาสตร์" ทางการเพทย์ในแคนาดา ว่าคลีนิคและนายแพทย์ของแคนาดามีแนวโน้มที่ปฏิเสธการรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่รักษายากๆ เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และให้ความสำคัญกับการรักษาพยาบาลโรคง่ายๆ และการเสริมสวย

ในประเทศแคนาดา นายแพทย์ที่ทำการรักษาพยาบาลผู้ป่วยจะได้รับเงินค่าวินิจฉัยโรคจากโครงการประกันสุขภาพกรณีละ 30 เหรียญแคนาดา หรือประมาณ 900 บาท เป็นสาเหตุให้นายแพทย์มักจะเลือกรักษาผู้ป่วยที่ไม่ต้องใช้เวลาในการตรวจรักษามากนัก หรือมิฉะนั้นก็ให้บริการเสริมสวยทางการแพทย์ด้วยการฉีดโบทอกซ์ให้กับลูกค้าขาจร

ข่าวกล่าวในตอนท้ายแบบเสียเชิงรัฐมนตรีว่า..Abbott said if doctors believe they need an incentive payment to care for cancer patients, similar to the premium they get for patients with chronic diseases like diabetes, then "it is possible we can look at that."

แปลว่า "ร.ม.ต.แอบบอทกล่าวว่า หากนายแพทย์คิดว่าจะต้องได้รับค่าตอบแทนพิเศษสำหรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคมะเร็งเช่นเดียวกับค่าพรีเมียมที่ได้รับจากการรักษาผู้ป่วยเรื้อรังนั้น "เป็นไปได้ที่เรา (กระทรวงสาธารณสุข) จะนำไปพิจารณา"

หลังจากที่มีเรื่องร้องเรียนกรณีนายแพทย์เลือกรับรักษาคนไข้นับร้อยนับพันเรื่อง กระทรวงสาธารณสุขแคนาดาก็ยอมศิโรราบ ยอมพิจารณาเสนอค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น... ถึงว่าสิครับ ฝรั่งแขกจีนที่มีกำลังทรัพย์จึงเดินทางมารักษาพยาบาลกับแพทย์ในเมืองไทยกันเยอะ เพราะนายแพทย์ของเรามีมาตรฐานจรรยาบรรณในวิชาชีพที่สูงกว่าหมอทางฝรั่งเขา

แต่จริยธรรมในวิชาชีพอื่นๆ ละครับ ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเป็นเพราะเรื่อง "จริยศาสตร์" หรือ "วิชาว่าด้วยความถูกต้องเหมาะสมและดีงาม" ได้รับความสำคัญในการเรียนการสอนเพียงกระผีกหนึ่งบ้างหรือไม่ เหตุใดความ "ไม่เหมาะสม" จึงแพร่หลายจนกัดให้สังคมกร่อนไปได้ขนาดนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ที่มีชื่อเสียงในการปลุกระดมมวลชนให้ถอนรากถอนโคนคุณทักษินได้ประโคมข่าวที่ "inappropriate" ให้เป็นข่าวใหญ่ทางอินเตอร์เน็ต สร้างความไม่สบายใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ จึงขออนุญาตคุณผู้อ่านนำมาแต่งประโยคภาษาอังกฤษตามมุมที่มองว่า

The news about the occurrence in the theater last September was inappropriately presented for political game.

(เดอะ-นิวส์-อะเบ๊าท์-เดอะ-อ๊อคเคอร์เรนซ์-อิน-เดอะ-เธียเธอร์-แลสท์-เซบเทมเบอร์-วอซ-อินแอ๊พโพรพริเอทลี่-พรีเซ้นเต็ด-ฟอร์-โพลิติคัล-เกม)

แปลว่า "ข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ในโรงภาพยนตร์เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วถูกนำเสนอเพื่อเป็นเกมการเมืองอย่างไม่เหมาะสม"

ความจริงก็คือวัยรุ่นตอนปลาย(?)คนหนึ่งที่เสพเสรีภาพและประชาธิปไตย(?)รูปแบบของ "จิตร ภูมิศักดิ์" เข้าไปจน "สำลัก" และไม่รู้จักบริหารจัดการความคิดแนว "ซ้าย" ของตัวเอง พยายามเรียกร้องความสนใจโดยแสดงจุดยืนเรื่องสิทธิเสรีภาพในการ "ไม่ยืน" ทำความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งขัดต่อระเบียบกฎหมายและ "จิตวิญญาณประชาชาติ" ของคนไทยอย่างเกินกว่าที่จะยอมรับได้

พฤติการณ์นี่เรียกว่าไม่เหมาะสมแย่อยู่แล้ว การพยายามเพิ่มราคาตัวเองโดยการเรียกสื่อต่างชาติเข้ามาทำข่าวนี่ก็ยิ่งไม่เหมาะสมหนักอยู่ แทนที่สื่อไทยจะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและงดเว้นการเสนอข่าวที่รังแต่จะสร้างความไม่สบายใจในหมู่คนไทย สื่อไทยหัวใหญ่นี้กลับตีข่าวนี้ซ้ำอย่าง "ไม่เหมาะสม" ขึ้นไปอีก ก่อให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชาชนเสียจนตัวพ่อหนุ่มที่ก่อเรื่องนี่แทบจะไม่มีแผ่นดินอยู่ และทำท่าว่าจะเอาความโกรธแค้นของประชาชนนี้มาขยายผลเป็นเครื่องมือประหัตประหารทางการเมืองไปอีก

ทั้งๆ ที่เป็นเพียงเรื่องเด็กแนวซ้ายที่อยากดังอย่างผิดวิธี ซึ่งเกิดขึ้นเจ็ดแปดเดือนแล้วแท้ๆ

แต่ผลที่อาจเล็งเห็นได้ว่าจะเกิดขึ้นโดยแน่แท้จากการเสนอข่าวนี้คือการกลายเป็นการจุดประเด็นให้มีการวิจารณ์กฎหมายและธรรมเนียมปฏิบัติที่เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง อันเป็นเรื่องที่คนไทยรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

แล้วพอเป็นเรื่องขึ้นมา... พวกครูบาอาจารย์ที่เสี้ยมสอนปลูกฝังแนวความคิดให้นายคนนี้กลับหายจ้อยเข้ากลีบเมฆ... เอ๊ย หนีหายเข้าสำนักเอ็นจีโอไปเตรียมหาเงินจากฝรั่งเรื่องอื่นต่อไป.....

เสร็จนาเขาถึงฆ่าโคถึก แต่นี่ยังไม่เสร็จศึกกลับส่งลูกศิษย์ไปให้เขารุมประชาทัณฑ์ ผิดวิสัยของครูบาอาจารย์ที่อ้างว่าสืบทอดปรัชญาเรื่องเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ ตามอุดมการณ์โซเชียลลิสต์จากหลวงประดิษฐ์มนูธรรมนะครับ

หน้า 11

ผู้แสดงความคิดเห็น ต้น ทวยเทพฯ ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2008-05-05 00:26:31 IP : 124.121.176.138


ความคิดเห็นที่ 3 (1845663)
avatar
โก๋ การ์เต็ล
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11159 มติชนรายวัน


Maverick (มาเวอริค)


หัวข่าวเด็ดกับผู้กองเดวิด

โดย ร.ต.อ.ทวยเทพ เดวิด วิบุลศิลป์ coffeecartel.hi5.com



เป็นคำเด็ดประจำอาทิตย์นี้ มาจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ เดอะวอชิงตันไทม์ ออนไลน์ ประจำวันที่ 25 กันยายน 2551 เกี่ยวกับลีลาของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐ คือวุฒิสมาชิกแมคเคน

คำเด็ดประจำสัปดาห์นี้ เป็นคำอังกฤษแบบอเมริกันในสมัยสร้างชาติโดยแท้ แปลว่า ลูกวัวที่ยังไม่ได้ประทับตราคอกเลี้ยง และเป็นชื่อของนายแซมมวล ออกุสตุ๊ส มาร์เวอริค นักการเมืองอเมริกัน ที่เป็นเศรษฐีเจ้าของที่ดินและฟาร์มเลี้ยงสัตว์ในเท็กซัส ที่ได้นำชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในเท็กซัสทำสงครามต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนเท็กซัสเมื่อร้อยสี่สิบปีก่อน (ซึ่งในสมัยนั้นเป็นดินแดนของประเทศเม็กซิโก)

ปัจจุบันใช้ในความหมายบุคคลประเภทวีบุรุษ "นอกคอก" หรือ "โดดเดี่ยวผู้ทรนง" ที่รักชาติและยึดมั่นในอุดมการณ์ของตนอย่างยิ่ง และดำเนินการต่อสู้อย่างเป็นเอกเทศ และทุกวิถีทาง แต่ไม่ยอมสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองให้กับผู้ใดเลยแม้กระทั่งพวกเดียวกันนั่นเอง

McCain steps up in maverick style

แม็คเคนเพิ่มลีลา "วีรบุรุษนอกคอก" (ในการหาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี)

ในการแข่งขันเพื่อรับเลือกเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐ มักจะมีการดีเบตหรือโต้วาทีกันระหว่างผู้แข่งขันเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และภูมิปัญญาของผู้สมัครจนเป็นประเพณี

แต่เมื่อเกิดวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ในสหรัฐ แมคเคนกลับแจ้งนายบารัค โอบามา ว่า จะขอ "ยกเลิก" การโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์ และให้สัมภาษณ์ปล่อย "หมัดฮุก" อย่างจังเข้าใส่ประธานาธิบดีบุช ที่มาจากพรรคเดียวกันว่า การแก้ไขปัญหาของบุชโดยการถมเงินเจ็ดแสนล้านเหรียญสหรัฐลงไปเพื่อแก้ปัญหานั้นเป็นการสูญเปล่า

และแมคเคนเร่งล็อบบี้จัดการประชุมแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกันระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสด้วยตัวเอง โดยยอมยุติการรณรงค์หาเสียงเป็นการชั่วคราว

การขอยกเลิกการดีเบตของแมคเคน ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างใหญ่หลวงในแวดวงการเมืองอเมริกา สื่อบางกระแสยกย่องแมคเคนว่าเป็น "คนจริงหรือนักเลงโบราณ" โดยแท้ที่ยอมโดดเดี่ยวตัวเองอย่างทรนงในสิ่งที่เชื่อว่าตัวเองถูกต้อง

แต่สื่อบางกระแสก็โจมตีว่า แมคเคนกำลังหลบเลี่ยงการถูกเชือดบนสังเวียนดีเบตด้วยข้อหาเป็นทายาทของบุชและเป็นผู้แทนนโยบายที่อ่อนแอด้านเศรษฐกิจของพรรครีพับลิกัน

แมคเคนเป็นผู้ยึดมั่นถือมั่นในอุดมการณ์ของตนเองมาตลอด แม้กระทั่งสมาชิกส่วนใหญ่ของพรรครีพับลิกันเองก็ไม่ชอบหน้านัก เนื่องจากเห็นว่าเป็นคน "แหกคอก" ไม่ยอมให้พรรคมากำหนดทิศทางการเมืองของตน

แมคเคนเป็นหนึ่งในเชลยศึกในสงครามเวียดนามที่สร้างวีรกรรมไว้เป็นที่ลือเลื่องว่าไม่ยอมให้เวียดนามเหนือส่งตัวกลับบ้านก่อนเชลยศึกอื่นที่อยู่ในค่ายกักกันมานานกว่า เพราะเวียดนามเหนือทราบภายหลังว่าเป็นลูกชายของจอมพลเรือของสหรัฐ

นัยว่าแมคเคนเสียสละอภิสิทธิ์ตัวเพื่อรักษากฎเกณฑ์ของสงครามว่าด้วยเชลยศึก จนกระทั่งถูกทหารเวียดนามทรมานเสียจนร่างกายบิดเบี้ยวพิกลพิการด้วยความหมั่นไส้ แต่แล้วเมื่อสงครามสงบ เขาก็เป็นนักการเมืองสหรัฐคนแรกๆ ที่ริเริ่มการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนาม...

น่ายกย่องดีไหมครับ

การเมืองไทยขาดนักการเมืองประเภท maverick แบบนี้ที่พอจะตั้งความหวังไว้ว่าจะช่วยกอบกู้ประเทศชาติจากสารพัดวิกฤตที่รุมเร้า เลยเขียนเป็นประโยคภาษาอังกฤษแบบ "โดนๆ" ได้ว่า

"It seems that nearly all politicians are following the same path of self promotion without regard for the best interest of the nation. What we need are some maverick politicians who will not go along with this practice"

แปลว่า "ดูเสมือนว่านักการเมืองเกือบทั้งหมดกำลังมุ่งไปยังผลประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ สิ่งที่เราต้องการคือนักการเมืองประเภทนอกคอกที่จะไม่ปฏิบัติตนในแนวทางนี้"

สมัยก่อน เรามีปัญหาเรื่องการเมืองไทยไม่มีเสถียรภาพเพราะนักการเมืองไม่อยู่ในคอก ปัจจุบันปัญหาทางการเมืองที่วุ่นวายกันไม่จบไม่สิ้นก็เพราะนักการเมืองอยู่ใน "คอก" กันมากเกิน ครั้นจะหา maverick แบบแมคเคนที่ไม่ค่อยจะสนหน้าอินทร์หน้าพรหมก็เพิ่งจะโดนสอยร่วงด้วยข้อหาที่ชวนขำกลิ้งไปเสียแล้ว

แล้วจะมี maverick ที่ไหนกล้าโผล่มานำพาประเทศชาติไปแบบไม่เกรงใจเจ้าของ "คอก" กันอีกละครับ... เหอ เหอ


ผู้แสดงความคิดเห็น โก๋ การ์เต็ล วันที่ตอบ 2008-10-03 18:04:43 IP : 124.121.176.111


ความคิดเห็นที่ 4 (1845665)
avatar
โก๋ การ์เต้ล

 

วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11152 มติชนรายวัน


Half-cooked (ฮาล์ฟ-คุกด์)


หัวข่าวเด็ดกับผู้กองเดวิด

โดย ร.ต.อ.ทวยเทพ เดวิด วิบุลศิลป์ coffeecartel.hi5.com



เป็นคำเด็ดประจำอาทิตย์นี้มาจากบทความหนังสือพิมพ์ออนไลน์มาเลเซียนโวตเตอซ์ยูเนียน ของมาเลเซีย ประจำวันที่ 28 กรกฎาคม 2551

คำเด็ดประจำสัปดาห์นี้ มาจากคำว่า half ที่แปลว่า "ครึ่งส่วน หรือ ครึ่งๆ กลางๆ" และคำว่า cooked ที่เป็นกริยาช่องสองของ cook ที่แปลว่า ปรุงอาหาร เป็นคำคุณศัพท์ง่ายๆ ในภาษาอังกฤษ แต่มีความหมายที่น่าสนใจทีเดียวครับ

แปลรวมกันว่า ปรุงไม่สุก ทำไม่เสร็จ ดูเหมือนจะดีแต่ยังไม่ดี (ทั้งๆ ที่เหตุและปัจจัยหรือเครื่องปรุงทั้งหลายดีอยู่แล้ว เหมาะสมอยู่แล้ว) บางทีก็แปลขยายความได้ว่าเป็นกรณี "ท่าดีทีเหลว" หรือ "ขอไปที" ได้เหมือนกัน

Pak Lah"s half-cooked public transportation ideas

แนวความคิดด้านการขนส่งมวลชนที่ยังปรุงไม่สุกของปักลา (ปักลาหรือคุณลุงลา-ชื่อเรียกของนายกฯบาดาวี)

บทความนี้ วิจารณ์นโยบายหลักในการปรับปรุงระบบการขนส่งสาธารณะในมาเลเซียของนายกรัฐมนตรีบาดาวีว่า เป็นเพียงการดำเนินการตามนโยบายการหาเสียงอย่างตื้นๆ ของเขาเท่านั้น ไม่ได้มีการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนอย่างจริงจัง

ทั้งนี้ ก็เพราะระบบการขนส่งมวลชนของมาเลเซีย มีปัญหามากมายไม่ต่างอะไรกับเมืองไทย คือมีหลายหน่วยแยกกันดูแล รถไฟก็ส่วนหนึ่ง รถเมล์ก็อีกส่วนหนึ่ง ระบบรถยนต์และถนนก็อีกส่วนหนึ่ง ต่างคนต่างทำ ไม่มีทิศทางการแก้ไขปัญหาที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดูเสมือนว่าปัญหาการขนส่งมวลชนยิ่งแย่ขึ้นเรื่อยๆ อันขัดกับนโยบายการประหยัดพลังงานที่จะทำให้เกิดขึ้นได้โดยระบบการขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ลุงลา (นายกฯอับดุลลาห์ บาดาวี) เลยโดนจวกหนักหน่อยว่าเป็นเรื่อง half-cooked หรือทำกันแบบขอไปที นโยบายเรื่องการประหยัดพลังงานของชาติก็เลยยังห่างไกลจากความเป็นจริง ไม่ค่อยจะต่างกันกะบ้านเราเท่าไรนะครับ

ผู้กองเดวิด เพิ่งกลับจากงานแต่งงานน้องชายที่อเมริกา ถูกแขกเหรื่ออเมริกันแซวกันขรมว่านายกฯของประเทศไทยนี้ช่างมีความคาดหวังจากประชาชนสูงเหลือเกิน

เพียงแค่เป็นพิธีกรรายการปรุงอาหารก็ถูกถอดจากการเป็นนายกฯได้ง่ายๆ ก็เลยหน้าม้านกลับมาเอาคำเด็ด half-cooked มาแต่งเป็นประโยคขำๆ อำคุณๆ ผู้อ่านที่รักได้ว่า

This so-called "half-cooked democracy" in Thailand is really taking us Thais nowhere.

แปลว่า สิ่งที่เรียกว่า "ประชาธิปไตยที่ยังปรุงไม่สุก" ในประเทศไทยนั้นช่างไม่ได้พาพวกเราคนไทย (ก้าวหน้า) ไปไหนเลย

ดูเสมือนว่าทุกๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตยในประเทศไทยนั้น half-cooked ไปเสียหมด ตั้งแต่ระบบการเลือกตั้ง ระบบการเข้าสู่อำนาจของฝ่ายบริหารที่ยังคาบเกี่ยวอยู่กับฝ่ายนิติบัญญัติอย่างไม่เหมาะสมกับความเป็นจริงในเมืองไทย ขนาดการเดินขบวนประท้วงขับไล่รัฐบาลยัง half-cooked

เพื่อนฝรั่งก็ฝากขำพันธมิตรมาครับ ว่าแทนที่พันธมิตรจะใส่เครื่องปรุงให้ครบ มองซ้ายมองขวาให้ดีเสียก่อนแล้ว cook ให้สุกก่อนยึดทำเนียบ กลับรีบรับประทาน เอ๊ย... รีบเคลื่อนไหวกันทั้งสุกๆ ดิบๆ เลยกลายเป็นว่าได้นายกฯ nominee แท้ๆ สมใจมหาวิทยาลัยราชดำเนินไป ครั้นจะ cook จะเคลื่อนไหวอะไรอีกชาวบ้านก็เบื่อก็หมดแรงไปเสียแล้ว แถมยังเป็นกบฏแบบเปล่าๆ

ยิ่งถ้าจะ "สมานฉันท์" ขอนิรโทษกรรมข้อหากบฏก็ยิ่งเข้าทางบ้านเลขที่ 111 ที่น่าจะมาขอแจมด้วยแน่ๆ จะทำจะคิดอะไรก็ดูเหมือนจะเข้าทางฝั่งกระโน้นไปหมดเลยเชียว

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ของผมนี่ก็แหม.. อุตส่าห์ถอดโม่งไปช่วยเชียร์พันธมิตรออกนอกหน้านึกว่าจะมีลุ้น แต่ก็ที่ไหนได้...เสียรังวัดไปยกใหญ่

เป็นพรรคการเมืองโบราณเสียเปล่า ไม่ยักกะฟังคำโบราณที่สอนไว้ว่า "...อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี เมื่อสุกงอมหอมหวนจึงควรหล่น อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่ อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี เมื่อบุญมีคงจะมาอย่าปรารมภ์..."

ผู้แสดงความคิดเห็น โก๋ การ์เต้ล วันที่ตอบ 2008-10-03 18:08:15 IP : 124.121.176.111


ความคิดเห็นที่ 5 (1846199)
avatar
โก๋ การ์เต็ล
วันที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11166 มติชนรายวัน


Radical (แร้ด-ดิ-คัล)


คอลัมน์ หัวข่าวเด็ดกับผู้กองเดวิด

โดย ร.ต.อ.ทวยเทพ เดวิด วิบุลศิลป์



เป็นคำเด็ดประจำอาทิตย์นี้ มาจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ ยูเอสเอ ทูเดย์ ดอทคอม ประจำวันที่ 25 สิงหาคม 2551 เกี่ยวกับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอีกท่านหนึ่ง คือนายบารัค โอบามา

คำเด็ดประจำสัปดาห์ มีรากศัพท์มาจากคำในภาษาละตินว่า Radix ที่แปลว่า "ราก" ใช้ได้ทั้งเป็นคำนามและคำคุณศัพท์ แปลว่า ราก รากฐาน พื้นฐาน การเจริญเติบโต(ของต้นไม้)ขึ้นจากราก ปัจจุบันถ้าใช้กับมนุษย์หรือกลุ่มคน คำว่า radical นี้แปลว่า ผู้ที่มีความคิดสุดขั้ว สุดโต่ง

Obama dogged by links to 1960s radical

โอบามาถูกถ่วงเพราะการเกี่ยวโยงกับพวกสุดโต่งในยุค 1960

ข่าวเขียนวิจารณ์นายโอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่กำลังเป็นที่จับตา ว่ามีความเกี่ยวพันกับพวกซ้ายตกขอบในยุคบุปผาชนหรือฮิป*** ที่เบ่งบานในสหรัฐในช่วงทศวรรษที่ 60 และในการเกี่ยวพันดังกล่าวนี้กำลังเป็นตัวถ่วงคะแนนนิยมของนายโอบามาพอสมควร

สำหรับพวกเราคนไทยที่โตไม่ทันยุคฮิป*** คงทราบเพียงว่าเป็นยุคที่คนอเมริกันที่เกิดในยุคเบบี้บูมเติบโตเป็นวัยรุ่น และมีความอิสระเสรีอย่างเต็มที่ ทั้งในแง่การแต่งกาย ความคิด อุดมการณ์ทางการเมืองและทางศาสนา อย่างที่เรียกกันว่า "เสรีนิยมสุดขั้ว" หรือ Radical Left และกลายเป็นแนวความคิดต่อต้านรัฐบาลสหรัฐเท่านั้น

อันที่จริงยุค 60s เป็นยุคที่ลัทธิการเมืองแบบคอมมิวนิสต์แทรกซึมเข้าไปในอเมริกาผ่านเยาวชนมาก และได้ก่อให้เกิดกลุ่มนักเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ และปัจจุบันก็สืบทอดและแปรเปลี่ยนไปเป็นนโยบายแบบ "ประชานิยม" ในแบบของสหรัฐที่ใช้เป็นวิธีปลุกระดมมวลชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

การที่นายบารัค โอบามา มีความเกี่ยวข้องในฐานะศิษย์และสาวกของนักเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆ ในยุคนั้น ไม่ว่ากลุ่มนักวิชาการ กลุ่มนักเทศน์หรือนักการศาสนา รวมตลอดถึงนักก่อการจลาจลและผู้ก่อการร้ายภายใน (คนอเมริกันเองที่ก่อการร้ายภายในประเทศเพื่อแสดงจุดยืนในการไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล) ก็ก่อให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ชนชั้นกลางและสูงของสหรัฐมาก

หากแต่ในชนชั้นล่างที่มีจำนวนมาก ก็เลื่อมใสศรัทธานโยบายประชานิยมต่างๆ ของโอบามา เช่นที่เสนอให้มีการเก็บภาษีชนชั้นกลางและชั้นสูงให้สูงขึ้นเพื่อนำมาใช้ในการจัดการสวัสดิการสังคม ชนชั้นกลางเอง แม้จะไม่อยากถูกรีดภาษีมากขึ้น แต่ก็เริ่มจะอดรนทนไม่ได้กับการบริหารประเทศสไตล์บุชและพรรครีพับลิกัน ซึ่งหากแม็คเคนยังไม่สามารถกอบกู้วิกฤตศรัทธาที่เกิดจากนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาดของบุช ก็คงจะเป็นที่ได้ลุ้นว่าอเมริกาคงจะได้มีประธานาธิบดีผิวสีคนแรกที่ชื่อโอบามาแน่ๆ

แต่น่าสงสัยว่าโอบามาบริหารประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างไร เพราะตลอดชีวิตของโอบามา ก็ก่อร่างสร้างตัวและชื่อเสียงขึ้นมาจากการเป็นนักปลุกระดมมวลชนและนักประสานงานระหว่างสื่อมวลชนและเอ็นจีโอเท่านั้น และความคิดแบบ Radical Left ของโอบามาก็น่าจะทำให้อนาคตของอเมริกาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริงๆ

ที่น่ากลัวที่สุดคือ สิ่งที่ยังไม่มีใครพูดถึงแม้ในอเมริกาเอง คืออำนาจของประธานาธิบดีในการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุด ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการบัญญัติกฎหมายผ่านคำพิพากษาในอีกสองปีข้างหน้า หากโอบามาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีจริงแล้วละก็ กฎหมายรากฐานสังคมอเมริกันคงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารเป็นแน่แท้

เอาคำว่า Radical มาแต่เป็นประโยคเกี่ยวกับแนวความคิดของคนในสังคมที่เกี่ยวข้องกับการเมืองไทยได้ว่า

"Feeling stuck with the continuing political mess and corruption, Thais have the tendency to look to radical political groups for solutions."

แปลว่า "...ความรู้สึกไร้ทางออกกับความวุ่นวายทางการเมืองและการทุจริตคอร์รัปชั่น, คนไทยมีแนวโน้มที่จะมองหา (สนับสนุน) กลุ่มสุดโต่งทางการเมืองสำหรับทางออก"

แนวความคิดแบบ Radical หรือสุดโต่ง สุดขั้วนี้ ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็มักจะสามารถจุดประกายมวลชนที่แสนเบื่อกับ "สภาพเดิมๆ" ให้คล้อยตามได้ไม่ยาก แต่น่าเศร้าที่คนไทยเราเอาอำนาจทางการเมืองไปมอบให้กับกลุ่มก๊วนต่างๆ เพียงเพื่อหวังว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง และสภาพสังคมและความเป็นอยู่ของตนจะดีขึ้น แต่ไม่ยักจะค่อยได้จดจำกันเลยว่าเป็นเพียงเครื่องมือในการผ่องถ่ายอำนาจและผลประโยชน์จากคนกลุ่มหนึ่งไปสู่อีกกลุ่มหนึ่งอย่างที่เป็นมาโดยตลอดเท่านั้น

พี่น้องคร้าบ...เอาอำนาจทางการเมืองที่มี ไปยกให้เขาเอาไปต้มยำทำแกงเพียงเพราะ "เบื่อ" เนี่ย... ไม่เสียดายหรือครับพี่น้อง...


ผู้แสดงความคิดเห็น โก๋ การ์เต็ล วันที่ตอบ 2008-10-05 15:22:35 IP : 124.121.176.111



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.