|
|
ข่าวเก่า.. เล่าใหม่... ผลผลิตกาแฟเวียดนามทะลุ ๑ ล้านตันต่อปี แล้วเมือไรกาแฟไทยจะถึงฝั่งฝัน | |
ต้น ทวยเทพฯ | ช่วงนี้ เพื่อนๆ ให้ความสนใจสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟของเวียดนามมาทางอีเมล์พอสมควร จึงขออนุญาต หาข่าวเกี่ยวกับผลผลิตของกาแฟเวียดนามมาเปิดประเด็นคุยกัน
อันนี้เป็นข่าวจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยครับ ลิงก์ http://www.trf.or.th/News/Content.asp?Art_ID=8 . เนื้อข่าวมีใจความว่า........
เวียดนามส่งออกกาแฟมากเป็นอันดับสองรองจากบราซิล กาแฟยังเป็นผลผลิตส่งออกมากเป็นอันดับสองของประเทศ รองจากข้าว โดยเฉพาะกาแฟโรบัสตา ถือเป็นตัวชูหน้าชูตาของประเทศนี้ ผลผลิตกาแฟของเวียดนาม เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ปี 2518 เพิ่มจาก 6,000 ตัน เป็นกว่า 700,000 ตัน พื้นที่ปลูกก็เพิ่มจาก 13,000 เป็น 500,000 เฮกตาร์ (79,000-3,050,000 ไร่) ในปัจจุบัน แหล่งปลูกกาแฟที่สำคัญของประเทศคือบริเวณที่ราบสูงตอนกลาง (Central Highlands) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือของเวียดนาม เพราะมีสภาพอากาศและภูมิประเทศที่เหมาะมากที่สุด กาแฟของเวียดนาม กำลังขยายที่ทางบนตลาดกาแฟโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณการส่งออกกาแฟโลก ในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ขยับขึ้น 8.6% เป็น 7.02 ล้านถุง ก็เพราะมีเวียดนามเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ขณะที่ราชากาแฟอย่างบราซิล การส่งออกกาแฟกลับลดลง และมีแนวโน้มอาจจะลงมากถึง 20% เพราะสภาพดินฟ้าอากาศ กระทรวงการค้าของเวียดนามเปิดเผยว่าการส่งออกกาแฟปีนี้ ว่า มีแนวโน้มว่าจะถึง 900,000 ตัน เกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 100,000 ตัน เพราะในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาขายไปแล้วกว่า 800,000 ตัน ทำรายได้เข้าประเทศไปกว่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือสูงขึ้น 44% จากปีก่อน ตัวเลขดังกล่าว นับว่าทำลายสถิติการส่งออกกาแฟของเวียดนาม ในรอบ 30 ปี แม้ปริมาณการส่งออกกาแฟของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นทุกปี แต่คอกาแฟทั้งหลายให้ความเห็นว่า ยังไม่อาจแซงหน้าบราซิลได้ สมาคมผู้ผลิตกาแฟและโกโก้ของเวียดนาม หรือ Vicofa ยอมรับจุดอ่อน และกำลังใช้วิธีการต่างๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของสินค้า และเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน กาแฟที่เวียดนามส่งไปยังต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นเมล็ดกาแฟดิบ(สารกาแฟ) ยังไม่ผ่านการแปรรูป ส่วนกาแฟที่แปรรูปนั้น เวียดนามยังไม่มีศักยภาพในการแข่งขันเท่าที่ควร เพราะต้นทุนในการโฆษณาและทำการตลาดค่อนข้างสูงในต่างประเทศ อีกทั้งการเจาะตลาดก็ยาก ลำบาก เนื่องจากมีกำแพงภาษีที่หลายประเทศใช้ปกป้องสินค้าท้องถิ่น (อย่างเช่นเมืองไทยเป็นต้น อิอิ) การผลิตกาแฟสำเร็จรูป ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก มีเทคโนโลยีทันสมัย และมาตรฐานด้านคุณภาพที่ต่างประเทศต้องการก็ค่อนข้างสูงและเข้มงวด ปัจจุบัน เวียดนามจึงมีผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปเพียง 2 รายเท่านั้น ซึ่งมีวิธีการผลิตกาแฟสำเร็จรูปได้ตรงตามมาตรฐานระหว่างประเทศ 2 รายที่ว่านี้ ได้แก่ บริษัทโรงงานกาแฟเบียนหว่า (Bien Hoa Coffee Factory) ซึ่งผลิตทั้งกาแฟสำเร็จรูปกับกาแฟคั่ว นอกจากนั้นก็มีบริษัทเนสเล่ (Nestle) แต่สินค้าของ Nestle ก็ขายเฉพาะในเวียดนามเท่านั้น ผู้ผลิตกาแฟรายอื่นๆ ผลิตได้เฉพาะกาแฟคั่ว ส่งขายทั้งในและนอกประเทศ Vicofa บอกว่า การจะทำให้กาแฟเวียดนามได้รับความนิยมในตลาดต่างประเทศ ผู้ผลิตกาแฟในประเทศจะต้องเพิ่มคุณภาพสินค้าให้ได้ตามที่ประเทศผู้นำเข้าต้องการ ผู้ผลิตกาแฟควรปฏิบัติตามมาตรฐานการคัดเลือดกาแฟ การเพาะปลูก การดูแล ความสะอาด การเก็บเกี่ยว การตากแห้ง และการเก็บรักษา ในด้านการตลาด เป็นหน้าที่ของภาครัฐและเอกชนที่จะต้องหาช่องทางการจำหน่ายในต่างประเทศ กระทรวงการค้าเวียดนามกำลังวางแผนเร่งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ความรู้เกษตรกรผู้ผลิตกาแฟ และหาทางช่วยผู้ส่งออกกาแฟให้ขยายช่องทางตลาดได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็หาทางเจรจาการค้ากับต่างประเทศ สำหรับภาคเอกชนนั้น เกษตรกรและผู้ส่งออกจะต้องจับมือกัน เปิดตัวเองเพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายในต่างประเทศ เกษตรกรจะต้องได้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากรัฐ เพื่อนำไปใช้ในการขยายและปรับปรุงวิธีการปลูกกาแฟ นอกจากนี้ควรได้รับการละเว้นภาษี หากการเก็บเกี่ยวพืชผลตกต่ำ หรือเกิดวิกฤติด้านราคา หีบห่อกาแฟก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งปัจจุบัน มีกาแฟเวียดนามจำนวนหนึ่งที่วางขายในตลาดต่างประเทศ ด้วยหีบห่อแบบเดิมๆ ทำให้ผู้บริโภคกาแฟต่างประเทศเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณภาพกาแฟเวียดนาม ปัจจุบันมีผู้บริโภคกาแฟเวียดนามเกือบ 60 ประเทศทั่วโลก มีเยอรมนี และสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ที่สุด และที่หมายของการขยายตลาดส่งออกกาแฟเวียดนามคือ ประเทศเพื่อนบ้านเอเชีย และยุโรปตะวันออก ซึ่งปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้นทุกปี. .................. ข่าวคือข่าวนะครับ.... ยังต้องกรองกันอีกเยอะ แต่เรื่องตัวเลขน่าจะพอเชื่อถือได้ เพื่อนๆ อยากทราบไหมครับ ว่าทำไมเวียดนามสามารถผลิตกาแฟได้มากมายเป็นอันดับที่สองของโลก แซงหน้าประเทศโคลัมเบียไปอย่างไม่เห็นฝุ่น ทั้งๆ ที่เพิ่งทดลองปลูกกาแฟก่อนหน้าเราไม่กี่ปี แถมสมัยก่อน ก็ส่งออกไปสหรัฐไม่ได้ เพราะเป็นคอมมิวนิสต์ อเมริกาไม่รับซื้อ เพิ่งจะได้ขายไปยังสหรัฐไม่ถึงสิบห้าปีนี่เองครับ กาแฟในเมืองไทยก็ได้รับการส่งเสริมมาหลังเวียดนามไม่กี่ปี แต่เมื่อไรจะถึงฝั่งฝันกับเขาบ้างนะ...
|
ผู้ตั้งกระทู้ ต้น ทวยเทพฯ (boss-at-thecoffeecartel-dot-co-dot-th) :: วันที่ลงประกาศ 2009-10-12 15:58:41 IP : 124.121.177.178 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1994231) | |
ต้น ทวยเทพฯ | ประเด็นที่น่าสนใจอย่างมากก็คือ เวียดนามเพิ่งมีการเพาะปลูกกาแฟกันอย่างจริงจังเพียง ๓๐ ปีเศษ (ภายหลังจากที่ได้มีการเพาะปลูกกันประปรายเมื่อครั้งยังเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศษ ) แต่ก็สามารถเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนกระทั่งเป็นประเทศที่มีผลผลิตกาแฟมากเป็นอันดับที่สองของโลกได้ อีกไม่นาน ก็คงแซงบราซิลเป็นอันดับที่ ๑ ของโลกละครับ ในรอบ ๓๐ ปีเศษมานี้ เวียดนามมีพื้นที่ปลูกกาแฟเพิ่มขึ้นถึง ๒๕ เท่า แต่ก็มีผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง ๑๐๐ เท่าทีเดียว ความจริงจัง และจริงใจ ของหน่วยงานของรัฐในเวียดนาม ได้เครดิตไปเต็มๆ ครับ ขออนุญาติงดเว้น ไม่พูดถึงเมืองสารขันธ์นะครับ :) |
ผู้แสดงความคิดเห็น ต้น ทวยเทพฯ วันที่ตอบ 2009-10-12 17:09:51 IP : 124.121.177.178 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |