BLUE MOUNTAIN กาแฟบลูเมาน์เท่น
บลูเมาน์เท่น เป็นชื่อภูเขาสูงอยในประเทศจาไมก้า เป็นแหล่งที่ปลูกแฟอราบิก้าที่ขึ้นชื่อลือชามากที่สุดในโลกแห่งหนึ่งทีเดียว สภาพภูมิอากาศเป็นภูเขาไฟที่หลับแล้ว เป็นดินภูเขาไฟที่อุดมสมบูรณ์มาก กาแฟอราบิก้าจากภูเขาบลูเมาน์เท่นนี้ นิยมนำมาคั่วอ่อนๆ จะให้ความหอมกลมกล่อม รสชาติเปรี้ยวนิดๆ ปราศจากความฝาด ออกจะเหมือนศิลป์ศาสตร์สาว คือจี๊ดจาดแต่แฝงไว้ซึ่งความสุขม กลื่นกลมกล่อม สนุกสนาน
แต่...บลูเมาน์เท่นในประเทศไทยเป็นเพียงการตั้งชื่อให้กับกาแฟอราบิก้าคั่วอ่อนเท่านั้น รสชาติและกลื่นยังแตกต่างอยู่มากกับบลูเมาน์เท่นแท้ๆ บลูเมาน์เท่นเป็นชื่อแหล่งที่มาของกาแฟ ไม่ใช่ระดับการคั่วตามที่เข้าใจกันอยู่ปัจจุบัน
AROMA กลิ่นหอมกรุ่น แห่งกาแฟ
พูดถึงกาแฟ คำว่ากลิ่นก็ย่อมต้องหมายความถึงกลื่นกาแฟ กลิ่นกาแฟเกิดจากเคมีอินทรีย์หลายๆ ชนิดที่ต้นกาแฟดึงมาจากดิน จากน้ำ จากปุ๋ยและจากอากาศ ที่ในกาแฟนำแร่ธาตุค่างๆ เหล่านั้นมาสังเคราะห์เป็นอาหารเก็บไว้ในผลกาแฟ โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นอาหารให้ต้นอ่อนกาแฟได้นำมาใช้เลี้ยงชีวิตในระยะแรก
เมื่อคั่วกาแฟ เคมีอินทรีย์เหล่านี้ จะถูกทำปฏิกริยากับความร้อน มีการแปรสภาพ หรืออย่างที่เราเรียกว่า "ถูกปลุกให้ตื่น" กลายเป็นกลิ่น และรสชาติของกาแฟ
กลิ่นของกาแฟนี้แตกต่างไปตามดินฟ้าอากาศ สายพันธุ์ กรรมวิธีเก็บเกี่ยว กระบวนการลอกเปลือก ที่สำคัญ กรรมวิธีการคั่ว ระยะเวลาในการคั่ว และระดับการคั่ว สามารถสร้างความแตกต่างของกลื่นให้กับกาแฟที่มีแหล่งที่มาเดียวกันมาก
ACIDITY กรดเปรี้ยว
กาแฟ โดยเฉพาะอราบิก้านั้นมี "สสารเคมีอินทรีย์" ที่เป็นกรดเปรี้ยวอยู่ในตัวเองโดยธรรมชาติและเป็นคุณลักษณะสำคัญของกาแฟชั้นดีที่ชาวญี่ปุ่นชาวยุโรปตอนบนและตอนกลาย รวมทั้งชาวอเมริกันส่วนใหญ่ให้ความสำคัญชนืดที่ขาดไม่ได้ในกาแฟของเขาเลยทีเดียว
กาแฟสำเร็จรูป ที่ใช้กาแฟโรบัสต้าผลิต ที่โดยธรรมชาติมีความเปรี้ยวอยู่น้อยมาก ก็ต้องใส่กรดเปรี้ยวลงไปให้ได้รสเปรี้ยวตามความนิยมของคนส่วนใหญ่ (ซึ่งแตกต่างกับความนิยมของคนไทยโดยสิ้นเชิง) คนทั่วไปจึงอาจสับสนว่ากาแฟโรบัสต้าเปรี้ยว(เนื่องจากกาแฟสำเร็จรูปที่ทำจากโรบัสต้า มีความเปรี้ยวที่เพิ่มขึ้นมาภายหลังนั่นเอง)
AFTERTASTE ความติดคอหรือความ "กึ่ม"
คุณสมบัติที่สำคัญ ประการหนึ่งของกาแฟคือความขมฝาดติดลำคอและโคนลิ้นหลังจากกลืนกาแฟลงคอไปแล้ว ดังที่คนไทยเชื้อสายจีนเรียกบ่อยๆว่า"ความกึ่มของกาแฟ"
กาแฟที่ดี ควรคงความกึ่มไม่ร้อยกว่า 15-20 นาทีภายหลังจากที่ดื่มหมดถ้วยแล้ว อย่าเข้าใจผิดว่าความกึ่มนี้เป็นความขมที่ลิ้นนะครับ แต่เป็นความขมลึกที่คอหลังจากกลืนไปแล้วยังเห็นคนไทยเรามักจะดื่มชาจีนเพื่อล้างความกึ่มนี้ออกจากลำคอ
เนื่องจากบังไม่นิยมความขมฝาด ขอเรียนว่าเป็นความรู้สึกที่น่าพิศมัยนะครับ ขอเรียนเชิญให้คุณๆ ที่อยากจะเรียนรู้รสชาติที่แท้จริงของกาแฟ ทดลองสัมผัสกับ Aftertaste จากกาแฟร้อนถ้วยต่อไปที่คุณดื่ม โดยไม่ต้องใส่นมหรือน้ำตาล แรกๆยังจะไม่ชินกับความขมในลำคอ แต่หากคุณดื่มบ่อยๆชินกับมันแล้ว...รับรองว่าจะติดใจ